ดังที่กล่าวแล้วข้างต้นว่า ในประเทศไทยมีประวัติการทอผ้าใช้กันในหมู่บ้าน และในเมืองโดยทั่วไป มาตั้งแต่โบราณกาล แต่การทอผ้าด้วยมือตามแบบดั้งเดิมนั้น ก็เกือบจะสูญหายไปโดยสิ้นเชิง หากไม่ได้มีการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และพัฒนาได้ทันกาล ทั้งนี้ เพราะประเทศไทยเป็นประเทศเปิด มีการค้าขายกับต่างประเทศมาเป็นเวลานาน สามารถซื้อผ้านอก ที่สวยงามแปลกใหม่ และราคาถูกได้ง่าย มาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาจนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์
หลังจากที่มีการทำสนธิสัญญาบาวริงกับอังกฤษ ในปี พ.ศ. ๒๓๙๘ ไทยก็สั่งสินค้าผ้าจาก ต่างประเทศมาใช้มากขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งในสมัย รัชกาลที่ ๕ ได้มีการสำรวจพบว่า ไทยสั่งผ้าจากต่างประเทศเข้ามาเป็นจำนวนมากขึ้นทุกปี ทำให้สิ้นเปลืองเงินตราปีละมากๆ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงได้โปรดเกล้าฯ ให้ริเริ่มฟื้นฟูส่งเสริมการเลี้ยงไหม และทอผ้าไทยกันอย่างจริงจัง ในพ.ศ. ๒๔๕๒ โปรดฯ ให้ สถาปนากรมช่างไหมขึ้น และโปรดฯ ให้ตั้งโรงเรียนช่างไหมที่วังสระปทุม ซึ่งต่อมาขยายสาขาออกไปยังจังหวัดนครราชสีมา และบุรีรัมย์ ทรงจ้างครูชาวญี่ปุ่นมาสอนชาวบ้าน แต่การส่งเสริมได้ผลไม่คุ้มทุน ต่อมาจึงเลิกจ้างครูญี่ปุ่น และชาวบ้านก็หันมาทอผ้าตามวิธีพื้นบ้านเช่นเดิม
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันนับเป็นโชคอันประเสริฐอย่างหนึ่งสำหรับผ้าพื้นเมืองของไทย ที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงสนพระราชหฤทัยผ้าพื้นเมืองเกือบทุกประเภทอย่างแท้จริง ต่อเนื่องมากว่า ๒๐ ปี ทรงตั้งมูลนิธิศิลปาชีพ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ขึ้น เพื่อส่งเสริมการทอผ้าของชาวบ้านในชนบท ทรงเป็นผู้นำในการใช้สอยผ้าพื้นเมืองของไทย ในชีวิตประจำวัน และในงานพระราชพิธีต่างๆ ทรงนำผ้าไทยไปเผยแพร่ในต่างประเทศ ลวดลายที่ชาวบ้านได้สืบทอดกันมาแต่โบราณนั้น ก็ได้ทรงเก็บตัวอย่างไว้ เพื่ออนุรักษ์ และเพื่อศึกษา สืบทอดต่อไป ดังนั้นในเดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๓๕ องค์การยูเนสโกจึงได้ทูลเกล้าฯ ถวายเหรียญทอง โบโรพุทโธ และประกาศพระเกียรติคุณ ในฐานะ ที่ทรงเป็นผู้นำในการส่งเสริมศิลปหัตถกรรมการทอผ้าพื้นเมืองไทยเป็นตัวอย่างที่ดีในโลก
หน่วยงานของรัฐบาลหลายแห่ง เช่น กองอุตสาหกรรมสิ่งทอ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ก็ได้ส่งนักวิชาการออกไปศึกษา ค้นคว้าศิลปะการทอผ้าพื้นบ้านของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รูปแบบ และลวดลายผ้า จากจังหวัดต่างๆ นำมาพิมพ์เป็นเอกสารเผยแพร่หลายครั้ง
มหาวิทยาลัยในท้องถิ่น และศูนย์วัฒนธรรม ในบางจังหวัดบางแห่ง เช่น มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สถาบันทักษิณคดีศึกษาที่สงขลา ฯลฯ ได้ทำการ ศึกษาค้นคว้าเรื่องผ้าในท้องถิ่น และจัดนิทรรศการ รวมทั้งพิมพ์เอกสารเกี่ยวกับผ้าในภูมิภาคออกเผยแพร่ด้วย
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เช่น ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดน่าน รวมทั้งศูนย์วัฒนธรรมในต่างจังหวัดหลายแห่ง ต่างก็มีการจัดนิทรรศการถาวร เกี่ยวกับผ้าพื้นเมืองของท้องถิ่นนั้นๆ กันอยู่บ้างแล้ว
ในเรื่องการยกย่องเชิดชูเกียรติช่างทอผ้านั้น สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ก็ได้เล็งเห็นคุณค่าของศิลปินผู้ทอผ้าพื้นเมือง และได้ประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติช่างทอผ้าฝีมือเอก ๒ คน ให้เป็นศิลปินแห่งชาติ คือ นางแสงดา บัณสิทธิ์ จังหวัดเชียงใหม่ กับนางพยอม ลีนวัฒน์ จังหวัดร้อยเอ็ด นอกจากนี้ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ยังได้จัดประชุมสัมมนาทางวิชาการ ส่งเสริมด้านวิจัย และผลิตสื่อประชาสัมพันธ์ เพื่อเผยแพร่ให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าใจขบวนการผลิต และลวดลายต่างๆ ของผ้าพื้นเมืองไทย
เห็นได้ว่าในปัจจุบันนี้ ผ้าพื้นเมืองของไทย ในภาคต่างๆ กำลังได้รับการอนุรักษ์ฟื้นฟู และพัฒนา รวมทั้งได้รับการส่งเสริมให้นำมาใช้สอยในชีวิตประจำวันกันอย่างกว้างขวางมาก ดังนั้น จึงเกิดมีการผลิตผ้าพื้นเมืองในลักษณะอุตสาหกรรมโรงงาน โดยมีบริษัทจ้างช่างทอ ทำหน้าที่ทอผ้าด้วยมือ ตามลวดลายที่กำหนดให้ โรงงาน หรือบริษัทจัดเส้นไหม หรือเส้นด้าย ที่ย้อมสีเสร็จแล้ว มาให้ทอ เพื่อเป็นการควบคุมคุณภาพ บางแห่งจะมีคนกลางรับซื้อผ้าจากช่างทออิสระ ซึ่งเป็นผู้ปั่นด้าย ย้อมสี และทอตามลวดลายที่ต้องการเองที่บ้าน แต่คนกลางเป็นผู้กำหนดราคา ตามคุณภาพ และลวดลายของผ้า ที่ตลาดต้องการ ในบางจังหวัดมีกลุ่มแม่บ้านช่างทอผ้าที่รวมตัวกันทอผ้าเป็นอาชีพเสริม และนำออกขายในลักษณะสหกรณ์ เช่น กลุ่มทอผ้าของศิลปาชีพ อย่างไรก็ตามในสภาพที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นนั้น เป็นการทอ เพื่อขายเป็นหลัก ดังนั้นจึงได้มีการปรับปรุงพัฒนาสีสัน คุณภาพ และลวดลาย ให้เข้ากับรสนิยมของตลาด
การทอผ้าแบบพื้นบ้านพื้นเมือง ในภูมิภาคต่างๆ
ในปัจจุบันการทอผ้าพื้นบ้านพื้นเมืองหลายแห่งยังทอลวดลายสัญลักษณ์ดั้งเดิม โดยเฉพาะในชุมชน ที่มีเชื้อสายชาติพันธุ์บางกลุ่มที่กระจายตัวกันอยู่ในภาคต่างๆ ของประเทศไทย ศิลปะการทอผ้าของกลุ่มชนเหล่านี้ จึงนับว่าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะกลุ่มอยู่จนถึงทุกวันนี้ หากจะแบ่งผ้าพื้นเมืองของกลุ่มชนเหล่านี้ ตามภาคต่างๆ เพื่อให้ เห็นภาพชัดเจนขึ้น ก็อาจจะแบ่งคร่าวๆ ได้ดังนี้
๑. การทอผ้าในภาคเหนือแถบล้านนาไทย
ในจังหวัดเชียงราย พะเยา ลำพูน ลำปาง แพร่ น่าน เชียงใหม่ และแม่ฮ่องสอน โดยเฉพาะในกลุ่มชาวไทยโยนก หรือไทยยวน และชาวไทยลื้อ ซึ่งเป็นกลุ่มชนดั้งเดิมของล้านนาไทย มีความเชื่อเรื่องการตั้งถิ่นฐาน ในสภาพแวดล้อมที่เป็นภูเขา และมีทางน้ำไหล ผู้หญิงไทยยวน และไทยลื้อในปัจจุบันนี้ ยังรักษาวัฒนธรรมการทอผ้า ในรูปแบบ และลวดลายที่สืบทอดกันมา โดยเฉพาะการทอ ซิ่นตีนจก ผ้าขิต และผ้าที่ใช้เทคนิค "เกาะ" เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีชนกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ที่ไม่ใช่กลุ่มที่พูดภาษาตระกูลไท อาศัยอยู่ในแถบภาคเหนือบริเวณล้านนาไทย เช่น ลื้อ ลัวะ กะเหรี่ยง ไทยใหญ่ มอญ และไทยภูเขาเผ่าต่างๆ เช่น แม้ว มูเซอ อีก้อ เย้า ลีซอ เป็นต้น ชนกลุ่มน้อย เหล่านี้ ต่างก็มีวัฒนธรรมการทอผ้าซึ่งส่วนใหญ่ เป็นผ้าฝ้าย และตกแต่งเป็นลวดลายสัญลักษณ์ที่แสดงเอกลักษณ์เผ่าพันธุ์ของกลุ่มชนของตนเอง ทั้งสิ้น
การทอผ้าไหมยกดอก และการทอซิ่นไหม ต่อตีนจก ยกดิ้นเงินดิ้นทองนั้น รู้จักกันในหมู่เจ้านายชั้นสูงในภาคเหนือ ซึ่งได้ฝึกอบรมให้หญิงชาวบ้านตามหมู่บ้านหลายแห่ง เช่น ในจังหวัดเชียงใหม่ และลำพูน รู้จักทอ จนทำกันเป็นอุตสาหกรรมในหมู่บ้านหลายแห่ง จนถึงทุกวันนี้
เป็นที่น่าสังเกตว่าผ้าที่ทอโดยกลุ่มชนต่างๆ ในภาคเหนือนี้ ต่างกลุ่มต่างก็มีเอกลักษณ์ของตนเอง จนผู้ที่คุ้นเคย ก็สามารถจะแยกออก และชี้ให้เห็นความแตกต่างจากกันได้
๒.การทอผ้าในภาคกลาง
ในภาคกลางตอนบน (จังหวัดพิษณุโลก พิจิตร อุตรดิตถ์ และ สุโขทัย) และภาคกลางตอนล่าง (จังหวัดอุทัยธานี ชัยนาท สุพรรณบุรี สระบุรี ลพบุรี นครปฐม ราชบุรี เพชรบุรี ฯลฯ) มีกลุ่มชนชาวไทยยวนและชาว ไทยลาว อพยพไปตั้งถิ่นฐานอยู่ในช่วงต่างๆ ของประวัติศาสตร์ไทย พวกไทยลาวนั้น มีหลายเผ่า เช่น พวน โซ่ง ผู้ไท ครั่ง ฯลฯ ซึ่งอพยพย้ายถิ่นเข้ามา เพราะสงคราม หรือสาเหตุอื่นๆ คนไทยพวกนี้ยังรักษาวัฒนธรรม และเอกลักษณ์เฉพาะถิ่นไว้ได้ โดยเฉพาะวัฒนธรรมการทอผ้าของผู้หญิงที่ใช้เทคนิคการทำตีนจก และขิต เพื่อตกแต่งเป็น ลวดลายบนผ้าที่ใช้นุ่งในเทศกาลต่างๆ หรือ ใช้ทำที่นอน หมอน ผ้าห่ม ผ้าเช็ดหน้า ผ้าขาวม้า ฯลฯ แม้ว่าในปัจจุบันสภาพเศรษฐกิจและสังคม เปลี่ยนไปมาก คนไทยเหล่านี้ก็ยังยึดอาชีพทอผ้า เป็นอาชีพรองต่อจากการทำนาซึ่งเป็นอาชีพหลัก และเช่นเดียวกันกับผ้าในภาคเหนือ ลวดลายที่ ตกแต่งบนผืนผ้าที่ทอโดยกลุ่มชนต่างเผ่ากันใน ภาคกลางนี้ ก็มีลักษณะและสีสันแตกต่างกัน จนผู้ที่ศึกษาคุ้นเคย สามารถจะระบุแหล่งที่ผลิตผ้าได้จากลวดลายและสี
๓. การทอผ้าในภาคอีสาน
ในภาคอีสานมีชุมชนตั้งถิ่นฐานโดยอาศัยบริเวณที่มีความอุดมสมบูรณ์จากลำห้วย หนองบึง หรือแม่น้ำ กลุ่มคนไทยเชื้อสายลาวเป็นชนกลุ่มใหญ่ของภาคอีสาน กระจายกันอยู่ตามจังหวัดต่างๆ และมีวัฒนธรรมการทอผ้า อันเป็นประเพณีของผู้หญิง ที่สืบทอดกันมาช้านานเกือบทุกชุมชน แต่ละกลุ่มแต่ละเผ่า ก็จะมีลักษณะและลวดลายการทอผ้า ที่แปลกเป็น ของตัวเองอย่างชัดเจน โดยเฉพาะผ้ามัดหมี่ ผ้าขิต และผ้าไหมหางกระรอก กลุ่มคนไทยเชื้อสายลาว ในอีสานอาจแบ่งคร่าวๆ ได้ดังนี้
ก. กลุ่มจังหวัดเลย นครราชสีมา ชัยภูมิ (ส่วนใหญ่เป็นลาวหลวงพระบาง)
ข. กลุ่มจังหวัดหนองคาย อุดรธานี ขอนแก่น (ส่วนใหญ่เป็นลาวเวียงจันทน์)
ค. กลุ่มจังหวัดนครพนม สกลนคร กาฬสินธุ์ (ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้ไท)
ง. กลุ่มจังหวัดอุบลราชธานี ยโสธร ร้อยเอ็ด มุกดาหาร มหาสารคาม (ส่วนใหญ่เป็น ลาวจำปาศักดิ์)
นอกจากกลุ่มคนไทยเชื้อสายลาวแล้ว ในภาคอีสานยังมีชนกลุ่มอื่นๆ เช่น ข่า กระโซ้ กะเลิง ส่วย และเขมรสูง โดยเฉพาะคนไทยเชื้อสายเขมรนั้น กระจายกันอยู่ในบริเวณจังหวัดศรีสะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์ และมีประเพณีการทอผ้าที่สวยงามสืบทอดกันมาช้านาน โดยเฉพาะในจังหวัดสุรินทร์มีหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงหลายหมู่บ้านทอผ้าชนิดต่างๆ เช่น ผ้าปูมแบบเขมร ผ้าหมี่โฮล ผ้าอัมปรม ผ้าลายสาคู เป็นต้น
๔. การทอผ้าในภาคใต้
ภาคใต้มีแหล่งทอผ้าที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง โดยเฉพาะแหล่งทอผ้ายกดิ้นเงินดิ้นทอง ซึ่งสันนิษฐานว่า ได้รับอิทธิพลจากชาวมุสลิม ชาวอาหรับ ที่มาค้าขายตั้งแต่สมัยโบราณ และต่อมาผ้ายกเงินยกทอง ได้กลายเป็นที่นิยมในหมู่ชนชั้นสูงของอาณาจักรไทย ในภาคกลาง บรรดาพวกเจ้าเมือง และข้าราชการหัวเมืองภาคใต้ จึงต่างสนับสนุนให้ลูกหลาน และชาวบ้านทอกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน โดยเฉพาะที่เมืองนครศรีธรรมราช เมืองสงขลา และที่ตำบลพุมเรียง อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ล้วนเคยเป็นแหล่งทอผ้ายก ที่มีชื่อเสียงมากในอดีต เป็นที่กล่าวขวัญถึง และนิยมกันมากในหมู่ขุนนาง สมัยอยุธยา ธนบุรี และรัตนโกสินทร์ ปัจจุบันผ้ายกเมืองนคร มีผู้บริจาคให้แก่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครศรีธรรมราช และจัดแสดงให้ประชาชนชมอยู่ในห้องผ้าของพิพิธภัณฑ์จำนวนมาก แต่ช่างทอที่มีชื่อเสียงเสียชีวิตไปแล้วเป็นส่วนใหญ่ และมีผู้สืบทอดความรู้ไว้น้อยมาก จึงไม่มีการทอกันเป็นล่ำเป็นสันเหมือน สมัยโบราณ
นอกจากผ้ายกดิ้นเงินดิ้นทองแล้ว ก็มีการทอผ้าพื้นบ้านพื้นเมืองใช้กันหลายแห่งในภาคใต้ เช่น ทอผ้าขาวม้า ผ้าฝ้ายยกดอก ผ้าหางกระรอก ผ้าโสร่ง ผ้าตาเล็ดงา เป็นต้น ปัจจุบันนี้ก็ได้มีการฟื้นฟ ูส่งเสริม และทอผ้า สำหรับใช้สอยในชีวิตประจำวันอยู่หลายแห่ง เช่น ที่เกาะยอ จังหวัดสงขลา และที่ตำบลพุมเรียง จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นต้น
Knowledge Sharing แป่งปันความรู้ สารพันเรื่องราวอันหลากหลาย
เรื่องราวมากมาย สารพันความรู้ ที่พร้อมจะแบ่งปันให้คุณเสมอ เมื่อเข้ามาอ่านและเก็บความรู้ในเว็บไซต์นี้
วันอังคารที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2556
วันพฤหัสบดีที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
สามก๊ก 2010
สามก๊ก 2010 ได้รับการสร้างเป็นละครโทรทัศน์ โดยเริ่มถ่ายทำตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551 และออกฉายทางโทรทัศน์ครั้งแรกทางช่องเจียงซู ช่องอันฮุย ช่องฉงชิ่ง และช่องเทียนจิน ในวันที่ 2 พฤษภาคม 2553 โดยละครชุดสามก๊ก ชุดใหม่นี้มีทั้งหมด 95 ตอน ตอนละ 40 นาที กำกับโดย เกาซี (Gao Xixi)
สามก๊ก 2010 ดาราแสดงนำ โดย
สามก๊ก 2010 Chen Jianbin รับบท โจโฉ
สามก๊ก 2010 Yu Hewei รับบท เล่าปี่
สามก๊ก 2010 Lu Yi รับบท ขงเบ้ง
สามก๊ก 2010 Peter Ho รับบท ลิโป้
สามก๊ก 2010 Ni Dahong รับบท สุมาอี
สามก๊ก 2010 Yu Rongguang รับบท กวนอู
สามก๊ก 2010 Zhang Bo รับบท ซุนกวน
สามก๊ก 2010 Nie Yuan รับบท จูล่ง
สามก๊ก 2010 Chen Hao รับบท เตียวเสี้ยน
สามก๊ก 2010 Ruby Lin รับบท ซุนฮูหยิน
สามก๊ก 2010 Victor Huang รับบท จิวยี่
เพลงประกอบสามก๊ก 2010
還我一個太平天下 ทำนองโดย Zhao Jiping เนื้อร้องโดย Yi Ming ขับร้องโดย Liao Changyong เพลงเปิดละคร
天地莽蒼蒼 ทำนองโดย Zhao Jiping เนื้อร้องโดย Yi Ming ขับร้องโดย Tang Can เพลงตอนจบ
英雄往來天地間 ทำนองโดย Zhao Jiping เนื้อร้องโดย Yi Ming ขับร้องโดย Tan Jing เพลงตอนจบ
貂蟬歌 ทำนองโดย Zhao Jiping เนื้อร้องโดย Luo Guanzhong ขับร้องโดย Chen Hao เพลงที่เตียวเสี้ยนร้อง
愛無痕 ทำนองโดย Hu Li เนื้อร้องโดย Shi Donghui และ Hu Li ขับร้องโดย Deng Tianqing
不枉 ทำนองโดย Tang Chi Wai เนื้อร้องโดย Sandy Chang ขับร้องโดย Super 4 เพลงเปิดละคร TVB Hong Kongสามก๊ก 2010 ได้เริ่มดำเนินเรื่องขึ้น เป็นตอนที่ 1 คือตอน ตั๋งโต๊ะยึดอำนาจ สั่งประหารขุนนางใหญ่น้อย ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกันตนเอง จนเหล่าขุนนางพากันโกรธแค้น โจโฉ พยายามลอบฆ่าตั๋งโต๊ะแต่ไม่สำเร็จ จนต้องหลบหนีไปจากวังหลวง และถูกจับได้โดยเจ้าเมืองชื่อตันก๋ง แต่ด้วยโจโฉพูดจาเกลี้ยกล่อม พร้อมแสดงวิสัยทัศน์ และ อุมการณ์อันยิ่งใหญ่ ทำให้ตันก๋งยอมปล่อยโจโฉไป และ ติดตามโจโฉด้วย แต่เพราะตันก๋งรับนิสัยของโจโฉไม่ได้ ต่อมาจึงแยกทางกัน เมื่อโจโฉกลับถึงบ้านจึงลอบปลอมแปลงราชโองการ ระดมกำลังทัพจากหัวเมืองต่าง ๆ โดยมี 18 หัวเมืองมาเข้าร่วม กำจัดตั๋งโต๊ะ แต่กองทัพหัวเมืองกลับแตกแยกกันเองจึงทำให้การกำจัดตั๋งโต๊ะล้มเหลว อ้องอุ้น ขุนนางผู้ใหญ่ จึงวาง อุบาย กลหญิงงาม ยกเตียวเสี้ยนบุตรสาวบุญธรรมให้แก่ตั๋งโต๊ะและลิโป้ จนตั๋งโต๊ะผิดใจกับลิโป้เรื่องนางเตียวเสี้ยน ทำให้ลิโป้แค้นและร่วมวางแผนกับอ้องอุ้นฆ่าตั๋งโต๊ะสำเร็จ หลังจากตั๋งโต๊ะตาย ลิฉุยและกุยกีลูกน้องตั๋งโต๊ะได้เข้ายึดอำนาจอีกครั้งและฆ่าอ้องอุ้นตาย รวมทั้งบังคับพระเจ้าเหี้ยนเต้ให้อยู่ภายใต้อำนาจ สร้างความคับแค้นใจให้แก่พระเจ้าเหี้ยนเต้เป็นอย่างยิ่ง จนกระทั่งที่ปรึกษาโจโฉ ชื่อ ซุนฮก ได้แนะนำให้ โจโฉยกทัพมาช่วยพระเจ้าเหี้ยนเต้ และกำจัดลิฉุย กุยกี จากนั้น โจโฉจึงยกทัพเข้าปราบปรามกบฏและยึดอำนาจในวังหลวงไว้ได้ เรื่องราวที่กล่าวมาคลอบคุม 13 ตอน ของ สามก๊ก 2010 เลยทีเดียว
วันพฤหัสบดีที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2556
Leather Sewing Tips
เคล็ดลับเหล่านี้สำหรับการตัดเย็บเครื่องหนังจะช่วยให้คุณเสร็จสิ้นโครงการของคุณด้วยความง่าย ลดความยุ่งยากให้น้อยลง
เคล็ดลับในการเย็บผ้าหนัง : หนังของคุณรู้
ใช้ชนิดด้านขวาของหนังสำหรับโครงการของคุณ ชนิดของหนังแต่ละคนมีลักษณะที่แตกต่างกัน อุปกรณ์เย็บผ้าก็ต่างกัน ตัวอย่างเช่นหมูซึ่งถูกนำเสนอในหนังและหนังนิ่ม มีน้ำหนักขนาดกลางและมาในขนาดประมาณห้าถึงเจ็ดตารางฟุต นอกจากนี้ หมูมีให้บริการในจำนวนสีที่แตกต่างกัน
นี้จะทำให้หมูที่สมบูรณ์แบบสำหรับโครงการขนาดเล็กเช่นกระเป๋าหรือเข็มขัด เช่นหมู, งูมักจะใช้สำหรับโครงการขนาดเล็ก นี้เป็นเพราะงูจะเปราะบางโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับผ้าหนังอื่น ๆ ซึ่งแตกต่างจากหมูและหนังงู, หนังวัวไม่ได้เป็นเพียงที่มีอยู่ในขนาดใหญ่, cowhide ให้บริการในน้ำหนักหนักเช่นเดียวกับน้ำหนักปานกลาง Cowhide สามารถนำมาใช้สำหรับโครงการทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กจากเสื้อที่เข็มขัด แม้ว่า lambskin มีความคล้ายคลึงกับหนังวัวเนื้อ lambskin เป็นปลีกย่อยทั้งสองและมักจะมีราคาแพงมาก นอกจากนี้ lambskin มักจะใช้ได้เฉพาะในขนาดเล็กกว่า cowhide ในขณะที่คุณจะได้รับ cowhide ในขนาดไม่เกิน 25 ตารางฟุต, lambskin วิ่งหกสิบเก้าตารางฟุต คุณยังสามารถซื้อหนังสังเคราะห์,อุปกรณ์เย็บผ้า หนังนิ่มและหนังงู ผ้าเหล่านี้มักจะน้อยราคาแพงกว่าจริงจัดการ นอกจากนี้งูสังเคราะห์มีการสนับสนุนผ้าที่ทำให้มันแข็งแรงและใช้งานง่ายกว่างูตามธรรมชาติ
เคล็ดลับเพิ่มเติมหนังจักรเย็บผ้า มีเข็มขวา คุณอาจจำเป็นต้องซื้อเข็มหนังสำหรับเย็บของคุณ เข็มนี้จริงจะตัดมากกว่าปรุหนัง ดังนั้นเมื่อคุณเสร็จสิ้นโครงการของคุณคุณจะไม่เห็นหลุมเหวอะเว้นแต่ของหลักสูตรที่คุณตั้งใจจะมีรูโหว่เหล่านั้น ใช้รูปแบบที่มีจำนวนมากตะเข็บ จริงๆคุณจะเสียน้อยกว่าหนังด้วยวิธีนี้ อย่า pin หนังกันก่อนที่จะเย็บ คุณไม่ต้องการที่จะออกจากหลุม อุปกรณ์เย็บผ้าใช้ซีเมนต์ยางหรือสองด้านเทปแทน คุณยังสามารถลองคลิปเครื่องผูก อย่างไรก็ตามคุณสามารถใช้เย็บมือถ้าลวดเย็บกระดาษอยู่ภายในค่าเผื่อตะเข็บของคุณ เมื่อเย็บมือใช้ปลอกเบาะหนา มันเป็นไปได้ทั้งหมดที่จะทำร้ายตัวเองเมื่อหนังเย็บมือ
นี้จะทำให้หมูที่สมบูรณ์แบบสำหรับโครงการขนาดเล็กเช่นกระเป๋าหรือเข็มขัด เช่นหมู, งูมักจะใช้สำหรับโครงการขนาดเล็ก นี้เป็นเพราะงูจะเปราะบางโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับผ้าหนังอื่น ๆ ซึ่งแตกต่างจากหมูและหนังงู, หนังวัวไม่ได้เป็นเพียงที่มีอยู่ในขนาดใหญ่, cowhide ให้บริการในน้ำหนักหนักเช่นเดียวกับน้ำหนักปานกลาง Cowhide สามารถนำมาใช้สำหรับโครงการทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กจากเสื้อที่เข็มขัด แม้ว่า lambskin มีความคล้ายคลึงกับหนังวัวเนื้อ lambskin เป็นปลีกย่อยทั้งสองและมักจะมีราคาแพงมาก นอกจากนี้ lambskin มักจะใช้ได้เฉพาะในขนาดเล็กกว่า cowhide ในขณะที่คุณจะได้รับ cowhide ในขนาดไม่เกิน 25 ตารางฟุต, lambskin วิ่งหกสิบเก้าตารางฟุต คุณยังสามารถซื้อหนังสังเคราะห์,อุปกรณ์เย็บผ้า หนังนิ่มและหนังงู ผ้าเหล่านี้มักจะน้อยราคาแพงกว่าจริงจัดการ นอกจากนี้งูสังเคราะห์มีการสนับสนุนผ้าที่ทำให้มันแข็งแรงและใช้งานง่ายกว่างูตามธรรมชาติ
เคล็ดลับเพิ่มเติมหนังจักรเย็บผ้า มีเข็มขวา คุณอาจจำเป็นต้องซื้อเข็มหนังสำหรับเย็บของคุณ เข็มนี้จริงจะตัดมากกว่าปรุหนัง ดังนั้นเมื่อคุณเสร็จสิ้นโครงการของคุณคุณจะไม่เห็นหลุมเหวอะเว้นแต่ของหลักสูตรที่คุณตั้งใจจะมีรูโหว่เหล่านั้น ใช้รูปแบบที่มีจำนวนมากตะเข็บ จริงๆคุณจะเสียน้อยกว่าหนังด้วยวิธีนี้ อย่า pin หนังกันก่อนที่จะเย็บ คุณไม่ต้องการที่จะออกจากหลุม อุปกรณ์เย็บผ้าใช้ซีเมนต์ยางหรือสองด้านเทปแทน คุณยังสามารถลองคลิปเครื่องผูก อย่างไรก็ตามคุณสามารถใช้เย็บมือถ้าลวดเย็บกระดาษอยู่ภายในค่าเผื่อตะเข็บของคุณ เมื่อเย็บมือใช้ปลอกเบาะหนา มันเป็นไปได้ทั้งหมดที่จะทำร้ายตัวเองเมื่อหนังเย็บมือ
วันจันทร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2556
กระแสสิ่งแวดล้อมกับอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม
ในปัจจุบันกระแสการอนุรักษ์ธรรมชาติเข้ามามีบทบาทอย่างมากในอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มและกระแสความตื่นตัวในเรื่องภาวะโลกร้อนที่แรงขึ้นทุกขณะในทั่วทุกมุมโลก ส่งผลให้ประชากรโลกเริ่มหันมาใส่ใจต่อแนวทางการดำเนินชีวิตที่จะช่วยบรรเทาภาวะโลก ซึ่งการเลือกบริโภคสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมถือเป็นอีกหนทางหนึ่งที่จะช่วยลดภาวะโลกร้อนได้
โดยหลายๆ ประเทศได้มีการกำหนดเกณฑ์การตัดสินใจให้ประชาชนเลือกใช้สินค้าที่มี ฉลากผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรที่สิ่งแวดล้อม (Eco-label) ซึ่งแต่ละประเทศจะมีชื่อเรียกต่างกันไป เช่น ประเทศไทยใช้คำว่า ฉลากเขียว เยอรมันใช้คำว่า Blue angle และสหภาพยุโรปใช้คำว่า EU-flower
ปัจจุบันฉลากผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรที่สิ่งแวดล้อม หรือ Eco labelยังไม่ได้เป็นมาตรการที่เข้มงวดสำหรับผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์แต่ในอนาคตหากประชาชนหันมาเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีฉลากสิ่งแวดล้อมมากขึ้นก็เท่ากับเป็นการบีบบังคับให้ผู้ผลิตต้องหันมาปรับปรุงศักยภาพในการผลิตโดยเฉพาะผู้ผลิตในอุตสาหกรรมสิ่งทอซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีสารเคมีเข้ามาเกี่ยวข้องในกระบวนการผลิตมากเป็นอันดับต้นๆ
ประโยชน์ของการผลิตผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Eco-textile) นั้นมีมากมายและมีอิทธิพลต่อการส่งออกของหลายๆประเทศ เนื่องมาจากปัจจุบันได้มีการตั้งเขตการค้าเสรี ทำให้แต่ละประเทศไม่สามารถตั้งกำแพงภาษีได้ จึงหันมาใช้ non-tariff barriers มากยิ่งขึ้น ดังนั้นการให้ความสนใจด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมก็เป็นเรื่องหนึ่งที่ถูกให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ดังนั้น หากผู้ผลิตได้มีการปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงนี้ได้จะเป็นการเพิ่มโอกาสในการแข่งขันกับต่างประเทศมากยิ่งขึ้น ซึ่งมีผลต่อการเพิ่มโอกาสการแข่งขันด้านการส่งออกด้วย รวมถึงสินค้า Eco-textile ยังช่วยลดต้นทุนได้
ซึ่งเห็นได้จากในหลายประเทศเริ่มมีการปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตในหลายกลุ่มสินค้า ดังในกรณีของประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีการเสนอผลผลิตใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งก็คือ ผ้าพันคอ ถุงมือ และอื่นๆ ทำจากขนแกะ ซึ่งมีคุณสมบัติที่ดีกว่าขนแพะ โดยกลุ่มผู้บริโภคได้หันมาซื้อเพิ่มขึ้น สาเหตุที่ขายได้ส่วนมาจากการเรียนรู้ถึงความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และความสวยงามที่มีคุณสมบัติพิเศษ ความนุ่ม รักษความอบอุ่น
ในกลุ่มลูกค้าปัจจุบันนี้ได้มีความต้องการสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ดังนั้นแล้วผู้ประกอบการควรมีการปรับเปลี่ยนการผลิตที่สามารถสนองตอบความต้องการของผุ้บริโภค อย่างเช่น บริษัท Gramicciที่สหรัฐฯ ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคที่ต้องการสินค้าที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมจึงได้มีการผลิตเสื้อผ้าที่ผลิตมาจากฝ้ายธรรมชาติ 55%และการรีไซเคิลโพลิเอสเทอร์ 45%รูปแบบการทอที่เรียกว่า“Lux Eco” ผลิตมาจากเส้นใย hemp 77% และเส้นใยไหม 23%เป็นต้น เพื่อสนองตอบต่อความต้องการที่เกิดขึ้นในตลาด
นอกจากนี้ ทางสหรัฐฯ ได้มีการเปิดตัวสินค้าประจำท้องถิ่นที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมBrian Kahn กล่าวว่า “จะไม่แข่งกับแบรนด์ที่มีชื่อเสียงแต่เราสนับสนุนธุรกิจในท้องถิ่นที่มีความรับผิดชอบต่อสภาพแวดล้อม และวัตถุดิบที่นำมาใช้ในการตัดเสื้อผ้าจะต้องรักษาธรรมชาติ อาทิ ฝ้ายธรรมชาติ ต้นไผ่”
บริษัทผู้ผลิตแบรนด์ Reebox โดย John McMahonผู้จัดการทางการตลาด ได้กล่าวว่า “บริษัทเห็นคุณค่าความสำคัญของสิ่งแวดล้อมและการดำเนินธุรกิจของบริษัทนั้นได้รับผิดชอบสิ่งแวดล้อม”โดยทางบริษัทได้มีการผลิตสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีการใช้วัสดุประเภทเส้นใยฝ้ายธรรมชาติ 100%
ผู้ผลิตผ้ายีนส์และผ้าขนแกะในประเทศฝรั่งเศส ได้มีกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ การย้อมผ้าขนแกะที่ผสมฝ้ายนั้นสีที่ใช้ย้อมนั้นไม่ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมโดยตลาดมีความต้องการเส้นใยขนสัตว์ที่กระบวนการผลิตที่ไม่มีสารเคมี โดยเส้นใยที่ได้จากแกะนั้นได้มีการตัดทุกปี และไม่ได้ทำอันตรายให้แก่สัตว์
ในงานแสดงสินค้า 'Offshore Arabia 2009'ประเทศญี่ปุ่นโดยกลุ่ม Teijinได้เข้าร่วมโดยมีเป้าหมายที่จะสนับสนุนธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งสินค้าที่นำมาแสดงในงานจะเป็นกลุ่มที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อาทิ เสื้อผ้าสำเร็จรูปของผู้หญิงและผู้ชายที่ได้จากการนำเส้นใยโพลิเอสเทอร์กลับมาใช้ใหม่
“Dogi Group”กลุ่มผู้ผลิตผ้าผืนที่เป็นผ้ายืดในประเทศสเปน กล่าวว่า “กระแสผ้าผืนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมรุนแรงมากขึ้น” โดยวัตถุดิบที่ใช้มาจากการรีไซเคิลเส้นใยไนล่อนและเส้นใยฝ้ายธรรมชาติ สุดท้ายเสื้อผ้าที่ทำมาจากเส้นใยธรรมชาติจะมีความต้องการมากจากกลุ่มลูกค้าที่มีความตระหนักถึงการปกป้องธรรมชาติ
บริษัท Recticel ได้กล่าวว่า “การผลิตเป็นไปตามกระแสการตระหนักถึงสิ่งแวดล้อมในตลาดเครื่องนุ่งห่ม”โดยได้มีการใช้บางส่วนของต้นถั่วเหลือมาเป็นวัตถุดิบและทางบริษัทต้องการให้เป็นที่รู้จักโดยทั่วในงานแสดงสินค้าที่ฮ่องกง
จากข้อมูลที่รวบรวมมานำเสนอข้างต้น ทำให้มองเห็นได้ว่า กลุ่มผู้บริโภคที่ตระหนักถึงเรื่องสิ่งแวดล้อมนั้นมีมาก และมีความต้องการซื้อสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ดังนั้น ทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ประกอบการสิ่งทอที่จะฝ่าฟันวิกฤติเศรษฐกิจที่รุนแรง ในขณะนี้ก็คือการมองไปที่ตลาดต่างประเทศที่มีนโยบายหรือมีแนวโน้มในประเด็นดังกล่าว และสร้างผลิตภัณฑ์สิ่งทอที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมให้ได้ตามมาตรฐานที่กำหนดไว้เพื่อส่งออกไปยังประเทศเหล่านั้น
แม้ว่าปัจจุบันตลาดสิ่งทอที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมยังค่อนข้างแคบแต่จากภาวะโลกร้อนที่นับวันจะเป็นปัญหาของโลกมากขึ้นเรื่อยๆ และการที่มนุษย์หันมาสนใจใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติมากขึ้นกว่าการใช้สารเคมีที่มีผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตในระยะยาว ทำให้พอจะมองเห็นได้ว่าอนาคตของผลิตภัณฑ์สิ่งทอที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมน่าจะสดใสและยืนยาวกว่าผลิตภัณฑ์ที่เต็มไป ด้วยสารเคมีที่เพิ่มภาวะโลกร้อนและทำลายสิ่งแวดล้อมดังที่ผ่านมา
โดยหลายๆ ประเทศได้มีการกำหนดเกณฑ์การตัดสินใจให้ประชาชนเลือกใช้สินค้าที่มี ฉลากผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรที่สิ่งแวดล้อม (Eco-label) ซึ่งแต่ละประเทศจะมีชื่อเรียกต่างกันไป เช่น ประเทศไทยใช้คำว่า ฉลากเขียว เยอรมันใช้คำว่า Blue angle และสหภาพยุโรปใช้คำว่า EU-flower
ปัจจุบันฉลากผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรที่สิ่งแวดล้อม หรือ Eco labelยังไม่ได้เป็นมาตรการที่เข้มงวดสำหรับผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์แต่ในอนาคตหากประชาชนหันมาเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีฉลากสิ่งแวดล้อมมากขึ้นก็เท่ากับเป็นการบีบบังคับให้ผู้ผลิตต้องหันมาปรับปรุงศักยภาพในการผลิตโดยเฉพาะผู้ผลิตในอุตสาหกรรมสิ่งทอซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีสารเคมีเข้ามาเกี่ยวข้องในกระบวนการผลิตมากเป็นอันดับต้นๆ
ประโยชน์ของการผลิตผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Eco-textile) นั้นมีมากมายและมีอิทธิพลต่อการส่งออกของหลายๆประเทศ เนื่องมาจากปัจจุบันได้มีการตั้งเขตการค้าเสรี ทำให้แต่ละประเทศไม่สามารถตั้งกำแพงภาษีได้ จึงหันมาใช้ non-tariff barriers มากยิ่งขึ้น ดังนั้นการให้ความสนใจด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมก็เป็นเรื่องหนึ่งที่ถูกให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ดังนั้น หากผู้ผลิตได้มีการปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงนี้ได้จะเป็นการเพิ่มโอกาสในการแข่งขันกับต่างประเทศมากยิ่งขึ้น ซึ่งมีผลต่อการเพิ่มโอกาสการแข่งขันด้านการส่งออกด้วย รวมถึงสินค้า Eco-textile ยังช่วยลดต้นทุนได้
ซึ่งเห็นได้จากในหลายประเทศเริ่มมีการปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตในหลายกลุ่มสินค้า ดังในกรณีของประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีการเสนอผลผลิตใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งก็คือ ผ้าพันคอ ถุงมือ และอื่นๆ ทำจากขนแกะ ซึ่งมีคุณสมบัติที่ดีกว่าขนแพะ โดยกลุ่มผู้บริโภคได้หันมาซื้อเพิ่มขึ้น สาเหตุที่ขายได้ส่วนมาจากการเรียนรู้ถึงความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และความสวยงามที่มีคุณสมบัติพิเศษ ความนุ่ม รักษความอบอุ่น
ในกลุ่มลูกค้าปัจจุบันนี้ได้มีความต้องการสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ดังนั้นแล้วผู้ประกอบการควรมีการปรับเปลี่ยนการผลิตที่สามารถสนองตอบความต้องการของผุ้บริโภค อย่างเช่น บริษัท Gramicciที่สหรัฐฯ ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคที่ต้องการสินค้าที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมจึงได้มีการผลิตเสื้อผ้าที่ผลิตมาจากฝ้ายธรรมชาติ 55%และการรีไซเคิลโพลิเอสเทอร์ 45%รูปแบบการทอที่เรียกว่า“Lux Eco” ผลิตมาจากเส้นใย hemp 77% และเส้นใยไหม 23%เป็นต้น เพื่อสนองตอบต่อความต้องการที่เกิดขึ้นในตลาด
นอกจากนี้ ทางสหรัฐฯ ได้มีการเปิดตัวสินค้าประจำท้องถิ่นที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมBrian Kahn กล่าวว่า “จะไม่แข่งกับแบรนด์ที่มีชื่อเสียงแต่เราสนับสนุนธุรกิจในท้องถิ่นที่มีความรับผิดชอบต่อสภาพแวดล้อม และวัตถุดิบที่นำมาใช้ในการตัดเสื้อผ้าจะต้องรักษาธรรมชาติ อาทิ ฝ้ายธรรมชาติ ต้นไผ่”
บริษัทผู้ผลิตแบรนด์ Reebox โดย John McMahonผู้จัดการทางการตลาด ได้กล่าวว่า “บริษัทเห็นคุณค่าความสำคัญของสิ่งแวดล้อมและการดำเนินธุรกิจของบริษัทนั้นได้รับผิดชอบสิ่งแวดล้อม”โดยทางบริษัทได้มีการผลิตสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีการใช้วัสดุประเภทเส้นใยฝ้ายธรรมชาติ 100%
ผู้ผลิตผ้ายีนส์และผ้าขนแกะในประเทศฝรั่งเศส ได้มีกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ การย้อมผ้าขนแกะที่ผสมฝ้ายนั้นสีที่ใช้ย้อมนั้นไม่ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมโดยตลาดมีความต้องการเส้นใยขนสัตว์ที่กระบวนการผลิตที่ไม่มีสารเคมี โดยเส้นใยที่ได้จากแกะนั้นได้มีการตัดทุกปี และไม่ได้ทำอันตรายให้แก่สัตว์
ในงานแสดงสินค้า 'Offshore Arabia 2009'ประเทศญี่ปุ่นโดยกลุ่ม Teijinได้เข้าร่วมโดยมีเป้าหมายที่จะสนับสนุนธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งสินค้าที่นำมาแสดงในงานจะเป็นกลุ่มที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อาทิ เสื้อผ้าสำเร็จรูปของผู้หญิงและผู้ชายที่ได้จากการนำเส้นใยโพลิเอสเทอร์กลับมาใช้ใหม่
“Dogi Group”กลุ่มผู้ผลิตผ้าผืนที่เป็นผ้ายืดในประเทศสเปน กล่าวว่า “กระแสผ้าผืนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมรุนแรงมากขึ้น” โดยวัตถุดิบที่ใช้มาจากการรีไซเคิลเส้นใยไนล่อนและเส้นใยฝ้ายธรรมชาติ สุดท้ายเสื้อผ้าที่ทำมาจากเส้นใยธรรมชาติจะมีความต้องการมากจากกลุ่มลูกค้าที่มีความตระหนักถึงการปกป้องธรรมชาติ
บริษัท Recticel ได้กล่าวว่า “การผลิตเป็นไปตามกระแสการตระหนักถึงสิ่งแวดล้อมในตลาดเครื่องนุ่งห่ม”โดยได้มีการใช้บางส่วนของต้นถั่วเหลือมาเป็นวัตถุดิบและทางบริษัทต้องการให้เป็นที่รู้จักโดยทั่วในงานแสดงสินค้าที่ฮ่องกง
จากข้อมูลที่รวบรวมมานำเสนอข้างต้น ทำให้มองเห็นได้ว่า กลุ่มผู้บริโภคที่ตระหนักถึงเรื่องสิ่งแวดล้อมนั้นมีมาก และมีความต้องการซื้อสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ดังนั้น ทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ประกอบการสิ่งทอที่จะฝ่าฟันวิกฤติเศรษฐกิจที่รุนแรง ในขณะนี้ก็คือการมองไปที่ตลาดต่างประเทศที่มีนโยบายหรือมีแนวโน้มในประเด็นดังกล่าว และสร้างผลิตภัณฑ์สิ่งทอที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมให้ได้ตามมาตรฐานที่กำหนดไว้เพื่อส่งออกไปยังประเทศเหล่านั้น
แม้ว่าปัจจุบันตลาดสิ่งทอที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมยังค่อนข้างแคบแต่จากภาวะโลกร้อนที่นับวันจะเป็นปัญหาของโลกมากขึ้นเรื่อยๆ และการที่มนุษย์หันมาสนใจใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติมากขึ้นกว่าการใช้สารเคมีที่มีผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตในระยะยาว ทำให้พอจะมองเห็นได้ว่าอนาคตของผลิตภัณฑ์สิ่งทอที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมน่าจะสดใสและยืนยาวกว่าผลิตภัณฑ์ที่เต็มไป ด้วยสารเคมีที่เพิ่มภาวะโลกร้อนและทำลายสิ่งแวดล้อมดังที่ผ่านมา
วันเสาร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2556
มารู้จักกับ Pima Cotton
Pima Cotton เป็นผ้า Cotton ที่ปลูกอเมริกันที่แนะนำโดย Supima ซึ่ง Supima เป็นองค์กรที่รับผิดชอบในการกำกับดูแลการกระจายของเมล็ดฝ้ายอเมริกัน Pima ทั่วสหรัฐอเมริกา
เมื่อซื้อชุดของแผ่นผู้บริโภคควรจะมองหาผลิตภัณฑ์ที่ทำจากผ้า Cotton เป็นวัตถุดิบยาวพิเศษ (ปกติจะเรียกว่าผ้า Cotton ELS) เส้นใยยาวจากผ้า Cotton ELS ทำให้เส้นด้ายที่แข็งแกร่งและมีความนุ่มนวลมากขึ้นและในที่สุดก็กลายเป็นผ้าทอที่แข็งแกร่งมากและนุ่ม แผ่นสูงมากที่สุดนับด้ายที่ทำจากผ้า Cotton ELS เพราะเส้นใยยาวเป็นสิ่งจำเป็นที่จะทำให้บางมากเส้นด้ายที่แข็งแกร่งยัง
ผ้า Cotton ส่วนใหญ่เห็นได้ในตลาดวันนี้เป็นผ้า Cottonดอน Pima ฝ้าย (Supima) และผ้า Cottonอียิปต์
มันเป็นเหตุผลที่จะสมมติว่าการขาดของ "แบรนด์" (เช่นผ้า Cotton Pima) หมายถึงผ้า Cottonที่ใช้ในการทำให้ผลิตภัณฑ์เป็นผ้า Cottonดอน นี้เป็นผ้า Cottonเป็นวัตถุดิบที่สั้นกว่าและจะขาดความแข็งแรงและความสอดคล้องของผ้า Cotton "ตรา" Pima ฝ้ายคือสัญลักษณ์ทั่วไป (เคารพอินเดียไฟลนก้นในภาคตะวันตกเฉียงใต้) ให้กับ ELS ใด ๆ ฝ้ายที่ปลูกในประเทศใด ๆ จากประเภทเฉพาะจากผ้า Cottonยาวเป็นหลัก ผู้ผลิตหลักของผ้า Cottonเป็นไฟลนก้นสหรัฐอเมริกาออสเตรเลียและเปรู ใด ๆ ของประเทศผู้ผลิตเหล่านี้อย่างถูกต้องสามารถติดป้ายผ้า Cottonของพวกเขา: ไฟลนก้น
Supima Cotton เป็นชื่อยี่ห้อให้กับฝ้าย Pima เติบโตในสหรัฐอเมริกา "Supima" เป็นเครื่องหมายการค้าได้รับใบอนุญาตจาก Supima สมาคมอเมริกาและมีอยู่เพื่อส่งเสริมแบรนด์ สินค้าที่ติดป้ายผ้า Cotton Pima อาจมี ELS ที่ปลูกในสหรัฐอเมริกาหรือที่อื่น ๆ ฝ้าย แต่ผลิตภัณฑ์ที่ติดฉลากฝ้าย Supima ต้องมี ELS เฉพาะฝ้ายที่ปลูกในสหรัฐอเมริกา
ผ้า Cotton อียิปต์เป็นแบรนด์ที่ยุ่งยากมาก มันเห็นได้ชัดเมื่อคุณคิดเกี่ยวกับมัน แต่ฝ้ายที่ปลูกในอียิปต์ที่สามารถอย่างถูกต้องจะมีข้อความฝ้ายอียิปต์ อียิปต์เป็นหนึ่งในผู้ผลิตที่ใหญ่ที่สุดของผ้า Cotton ELS ในโลก แต่ไม่ทั้งหมดฝ้ายที่ปลูกในอียิปต์เป็นของฝ้าย ELS มันเป็นไปได้ที่จะซื้อผลิตภัณฑ์ที่ติดฉลากผ้า Cottonอียิปต์ 100% กับความคาดหวังของมันถูกทำจากผ้า Cottonมากที่ดีที่สุดเมื่ออยู่ในความเป็นจริงมันอาจจะทำจากที่มีคุณภาพน้อยไม่ ELS, ผ้า Cotton อียิปต์ เพื่อความรู้ของเราไม่มีทางสำหรับผู้บริโภคที่จะรู้ว่าคุณภาพที่แท้จริงของผ้า Cottonอียิปต์ที่ใช้ในการผลิตสินค้าชนิดหนึ่งคือ คุณสามารถทำอะไร? ใช้วิจารณญาณของคุณและได้รับคำแนะนำจากความรู้สึกของผลิตภัณฑ์
คำเตือน: อ่านฉลากอย่างระมัดระวัง หากป้ายชื่อบอกว่า "Pima Cotton" และไม่ "Pima Cotton 100%" แล้วมันก็อาจเป็นผ้า Cotton Pima ได้รับการผสมกับผ้า Cottonดอน เรามักจะคิดว่าเป็นส่วนหนึ่งของ "100%" เมื่ออ่านฉลากที่ระบุว่า "ฝ้าย Pima." แต่ถ้ามันไม่ได้บอกว่า 100%, ไม่คิด 100% การติดฉลากที่ใช้โดยผู้ผลิตได้กลายเป็นตรงไปตรงมามากขึ้นในปีที่ผ่านมาเพื่อให้บ่อยกว่าไม่คุณจะเห็นการติดฉลากที่มีความเฉพาะเจาะจงมากเกี่ยวกับเนื้อหาที่ฝ้าย สิ่งที่คุณอ่านคือสิ่งที่คุณได้รับ
เมื่อซื้อชุดของแผ่นผู้บริโภคควรจะมองหาผลิตภัณฑ์ที่ทำจากผ้า Cotton เป็นวัตถุดิบยาวพิเศษ (ปกติจะเรียกว่าผ้า Cotton ELS) เส้นใยยาวจากผ้า Cotton ELS ทำให้เส้นด้ายที่แข็งแกร่งและมีความนุ่มนวลมากขึ้นและในที่สุดก็กลายเป็นผ้าทอที่แข็งแกร่งมากและนุ่ม แผ่นสูงมากที่สุดนับด้ายที่ทำจากผ้า Cotton ELS เพราะเส้นใยยาวเป็นสิ่งจำเป็นที่จะทำให้บางมากเส้นด้ายที่แข็งแกร่งยัง
ผ้า Cotton ส่วนใหญ่เห็นได้ในตลาดวันนี้เป็นผ้า Cottonดอน Pima ฝ้าย (Supima) และผ้า Cottonอียิปต์
มันเป็นเหตุผลที่จะสมมติว่าการขาดของ "แบรนด์" (เช่นผ้า Cotton Pima) หมายถึงผ้า Cottonที่ใช้ในการทำให้ผลิตภัณฑ์เป็นผ้า Cottonดอน นี้เป็นผ้า Cottonเป็นวัตถุดิบที่สั้นกว่าและจะขาดความแข็งแรงและความสอดคล้องของผ้า Cotton "ตรา" Pima ฝ้ายคือสัญลักษณ์ทั่วไป (เคารพอินเดียไฟลนก้นในภาคตะวันตกเฉียงใต้) ให้กับ ELS ใด ๆ ฝ้ายที่ปลูกในประเทศใด ๆ จากประเภทเฉพาะจากผ้า Cottonยาวเป็นหลัก ผู้ผลิตหลักของผ้า Cottonเป็นไฟลนก้นสหรัฐอเมริกาออสเตรเลียและเปรู ใด ๆ ของประเทศผู้ผลิตเหล่านี้อย่างถูกต้องสามารถติดป้ายผ้า Cottonของพวกเขา: ไฟลนก้น
Supima Cotton เป็นชื่อยี่ห้อให้กับฝ้าย Pima เติบโตในสหรัฐอเมริกา "Supima" เป็นเครื่องหมายการค้าได้รับใบอนุญาตจาก Supima สมาคมอเมริกาและมีอยู่เพื่อส่งเสริมแบรนด์ สินค้าที่ติดป้ายผ้า Cotton Pima อาจมี ELS ที่ปลูกในสหรัฐอเมริกาหรือที่อื่น ๆ ฝ้าย แต่ผลิตภัณฑ์ที่ติดฉลากฝ้าย Supima ต้องมี ELS เฉพาะฝ้ายที่ปลูกในสหรัฐอเมริกา
ผ้า Cotton อียิปต์เป็นแบรนด์ที่ยุ่งยากมาก มันเห็นได้ชัดเมื่อคุณคิดเกี่ยวกับมัน แต่ฝ้ายที่ปลูกในอียิปต์ที่สามารถอย่างถูกต้องจะมีข้อความฝ้ายอียิปต์ อียิปต์เป็นหนึ่งในผู้ผลิตที่ใหญ่ที่สุดของผ้า Cotton ELS ในโลก แต่ไม่ทั้งหมดฝ้ายที่ปลูกในอียิปต์เป็นของฝ้าย ELS มันเป็นไปได้ที่จะซื้อผลิตภัณฑ์ที่ติดฉลากผ้า Cottonอียิปต์ 100% กับความคาดหวังของมันถูกทำจากผ้า Cottonมากที่ดีที่สุดเมื่ออยู่ในความเป็นจริงมันอาจจะทำจากที่มีคุณภาพน้อยไม่ ELS, ผ้า Cotton อียิปต์ เพื่อความรู้ของเราไม่มีทางสำหรับผู้บริโภคที่จะรู้ว่าคุณภาพที่แท้จริงของผ้า Cottonอียิปต์ที่ใช้ในการผลิตสินค้าชนิดหนึ่งคือ คุณสามารถทำอะไร? ใช้วิจารณญาณของคุณและได้รับคำแนะนำจากความรู้สึกของผลิตภัณฑ์
คำเตือน: อ่านฉลากอย่างระมัดระวัง หากป้ายชื่อบอกว่า "Pima Cotton" และไม่ "Pima Cotton 100%" แล้วมันก็อาจเป็นผ้า Cotton Pima ได้รับการผสมกับผ้า Cottonดอน เรามักจะคิดว่าเป็นส่วนหนึ่งของ "100%" เมื่ออ่านฉลากที่ระบุว่า "ฝ้าย Pima." แต่ถ้ามันไม่ได้บอกว่า 100%, ไม่คิด 100% การติดฉลากที่ใช้โดยผู้ผลิตได้กลายเป็นตรงไปตรงมามากขึ้นในปีที่ผ่านมาเพื่อให้บ่อยกว่าไม่คุณจะเห็นการติดฉลากที่มีความเฉพาะเจาะจงมากเกี่ยวกับเนื้อหาที่ฝ้าย สิ่งที่คุณอ่านคือสิ่งที่คุณได้รับ
วันพุธที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2556
สารตกค้างอันตรายจากโรงงานฟอกย้อม
เมื่อเดือนมีนาคม 2555 ที่ผ่านมา กรีนพีซ เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ได้ส่งมอบรายงาน การตรวจพบสารเคมีอันตรายให้แก่อธิบดีโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อพิจารณาในการควบคุมและยุติการใช้สารพิษในภาคอุตสาหกรรม โดยอุตสาหกรรมสิ่งทอเป็นอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับสารดังกล่าวโดยตรง ซึ่งเมื่อเดือนสิงหาคม 2554 ที่ผ่านมา กรีนพีซ สากล ได้ทำการสุ่มตัวอย่างเสื้อผ้า แบรนด์ดัง 14 ยี่ห้อ เช่น ADIDAS H&M เป็นต้น พบว่ามีการใช้สารเคมีอันตรายในกระบวนการผลิตและเกิดการตกค้างปนเปื้อนสู่สิ่งแวดล้อมและเป็นอันตรายต่อมนุษย์ได้
สารอันตรายที่กล่าวถึงมีสารในกลุ่มโลหะหนัก สารอินทรีย์อันตราย แต่ที่กล่าวถึงมากที่สุด คือ Nonylphenol Ethoxylates (NPEs) เรามาทำความรู้จักกับสารอันตรายนี้กันว่ามันคือสารเคมีอะไร
*รายงานสองฉบับ ประกอบด้วย
NPEs จัดเป็นสารที่มีความเป็นพิษค่อนข้างต่ำหากใช้ในความเข้มข้นที่เหมาะสม อย่างไรก็ดีพบว่า ความเป็นพิษอาจรุนแรงขึ้นตามความเข้มข้น ปริมาณที่ได้รับ และทางที่ได้รับเข้าสู่ร่างกาย หากได้รับในความเข้มข้นสูงๆ อาจเกิดพิษแบบเฉียบพลัน เช่น หากรับประทาน สูดดมหรือ สัมผัสกับผิวหนังจะทำให้เกิดการระคายเคืองอย่างรุนแรง ต่อเยื่อบุทางเดินหายใจ ตา ทางเดินอาหาร และอาจมีอาการไอ วิงเวียน หายใจหอบถี่ อาเจียนได้ นอกจากนี้หลายประเทศได้มีการประกาศห้ามใช้ สาร NPEs เช่น สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป เนื่องจากพบว่า สารนี้สามารถตกค้างในธรรมชาติได้ยาวนาน สามารถสะสมได้ในเนื้อเยื่อของมนุษย์และสัตว์ (Bioaccumulation) และพบว่า สาร NPEs สามารถแตกตัวเป็น Nonylphenol ซึ่งเป็นสารที่ทำลายต่อมไร้ท่อ (endocrine disruptor) มีความเป็นพิษต่อมนุษย์ ทำให้การทำงานของต่อมไร้ท่อผิดปกติ โดยมนุษย์สามารถได้รับสารนี้ผ่านทางห่วงโซ่อาหารได้
NPEs กับ กฎระเบียบ REACH
กฎระเบียบ REACH ได้จัด Nonylphenol (NP) และ Nonylphenol ethoxylates (NPEs)** เป็นสารจำกัดการใช้ในภาคผนวก 17 (Annex XVII) ซึ่งกำหนดว่า ห้ามผลิต จำหน่าย และใช้สารเคมี เคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์ มีส่วนผสมของสาร NP และ NPEs มากเกินกว่า 0.1% w/w ในสหภาพยุโรป
สารทดแทน NPEs
สาร NPEs จะเป็นสารลดแรงตึงผิวประเภทไม่มีประจุ ซึ่งอุตสาหกรรมมีทางเลือกการใช้สารอื่นๆ ที่มีสมบัติเป็นสารลดแรงตึงผิวประเภทไม่มีประจุอื่นๆ ได้เช่นกัน เช่น glycrol (glycerin), glucosides เป็นต้น นอกจากนี้ยังสามารถใช้สารในกลุ่ม Alkylphenol หรือ Alkylphenol Exthoxylates อื่นๆ ที่มีสายโซ่ที่สั้นกว่าได้ ซึ่งสามารถเกิดการย่อยสลายตามธรรมชาติได้และไม่เกิดการตกค้างในธรรมชาติ จึงไม่เกิดความเป็นพิษต่อมนุษย์ ปัจจุบันยังพบว่ามีการใช้สาร Nonylphenol Ethoxylates อย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด เนื่องจากเป็นสารที่มีสมบัติที่ดีและราคาถูก การเลือกใช้สารเคมีที่เกี่ยวข้องในกระบวนการผลิตสิ่งทอเพื่อการส่งออก ควรจะต้องระมัดระวังในการเลือกใช้สารเคมี ศูนย์วิเคราะห์ทดสอบสิ่งทอ สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ สามารถตรวจสอบสาร NPEs นี้ได้ทั้งในสารเคมีและผ้า สนใจส่งตัวอย่างทดสอบ ติดต่อได้ที่ ศูนย์วิเคราะห์ทดสอบสิ่งทอ โทรศัพท์ 0 2713 5492 ต่อ 512-514 และ 712
สารอันตรายที่กล่าวถึงมีสารในกลุ่มโลหะหนัก สารอินทรีย์อันตราย แต่ที่กล่าวถึงมากที่สุด คือ Nonylphenol Ethoxylates (NPEs) เรามาทำความรู้จักกับสารอันตรายนี้กันว่ามันคือสารเคมีอะไร
*รายงานสองฉบับ ประกอบด้วย
- การตรวจสอบสารเคมีอันตรายในตะกอนดินบริเวณคลองที่รองรับน้ำทิ้งจากโรงงานฟอกย้อมบริเวณตอนล่างของแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำท่าจีน และ
- เสื้อผ้าสกปรก: ปัญหาที่ยังคงถูกละเลย
NPEs จัดเป็นสารที่มีความเป็นพิษค่อนข้างต่ำหากใช้ในความเข้มข้นที่เหมาะสม อย่างไรก็ดีพบว่า ความเป็นพิษอาจรุนแรงขึ้นตามความเข้มข้น ปริมาณที่ได้รับ และทางที่ได้รับเข้าสู่ร่างกาย หากได้รับในความเข้มข้นสูงๆ อาจเกิดพิษแบบเฉียบพลัน เช่น หากรับประทาน สูดดมหรือ สัมผัสกับผิวหนังจะทำให้เกิดการระคายเคืองอย่างรุนแรง ต่อเยื่อบุทางเดินหายใจ ตา ทางเดินอาหาร และอาจมีอาการไอ วิงเวียน หายใจหอบถี่ อาเจียนได้ นอกจากนี้หลายประเทศได้มีการประกาศห้ามใช้ สาร NPEs เช่น สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป เนื่องจากพบว่า สารนี้สามารถตกค้างในธรรมชาติได้ยาวนาน สามารถสะสมได้ในเนื้อเยื่อของมนุษย์และสัตว์ (Bioaccumulation) และพบว่า สาร NPEs สามารถแตกตัวเป็น Nonylphenol ซึ่งเป็นสารที่ทำลายต่อมไร้ท่อ (endocrine disruptor) มีความเป็นพิษต่อมนุษย์ ทำให้การทำงานของต่อมไร้ท่อผิดปกติ โดยมนุษย์สามารถได้รับสารนี้ผ่านทางห่วงโซ่อาหารได้
NPEs กับ กฎระเบียบ REACH
กฎระเบียบ REACH ได้จัด Nonylphenol (NP) และ Nonylphenol ethoxylates (NPEs)** เป็นสารจำกัดการใช้ในภาคผนวก 17 (Annex XVII) ซึ่งกำหนดว่า ห้ามผลิต จำหน่าย และใช้สารเคมี เคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์ มีส่วนผสมของสาร NP และ NPEs มากเกินกว่า 0.1% w/w ในสหภาพยุโรป
สารทดแทน NPEs
สาร NPEs จะเป็นสารลดแรงตึงผิวประเภทไม่มีประจุ ซึ่งอุตสาหกรรมมีทางเลือกการใช้สารอื่นๆ ที่มีสมบัติเป็นสารลดแรงตึงผิวประเภทไม่มีประจุอื่นๆ ได้เช่นกัน เช่น glycrol (glycerin), glucosides เป็นต้น นอกจากนี้ยังสามารถใช้สารในกลุ่ม Alkylphenol หรือ Alkylphenol Exthoxylates อื่นๆ ที่มีสายโซ่ที่สั้นกว่าได้ ซึ่งสามารถเกิดการย่อยสลายตามธรรมชาติได้และไม่เกิดการตกค้างในธรรมชาติ จึงไม่เกิดความเป็นพิษต่อมนุษย์ ปัจจุบันยังพบว่ามีการใช้สาร Nonylphenol Ethoxylates อย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด เนื่องจากเป็นสารที่มีสมบัติที่ดีและราคาถูก การเลือกใช้สารเคมีที่เกี่ยวข้องในกระบวนการผลิตสิ่งทอเพื่อการส่งออก ควรจะต้องระมัดระวังในการเลือกใช้สารเคมี ศูนย์วิเคราะห์ทดสอบสิ่งทอ สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ สามารถตรวจสอบสาร NPEs นี้ได้ทั้งในสารเคมีและผ้า สนใจส่งตัวอย่างทดสอบ ติดต่อได้ที่ ศูนย์วิเคราะห์ทดสอบสิ่งทอ โทรศัพท์ 0 2713 5492 ต่อ 512-514 และ 712
วันจันทร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2556
เคล็ดไม่ลับ รู้จักกับผ้าคอตตอน
เคยสงสัยกันมั๊ย ว่าทำไมเราซื้อเสื้อยืดที่บอกว่าผลิตจากผ้าคอตตอนมาเหมือนกัน แต่ความรู้สึกเวลาที่เราจับผ้าไม่เหมือนกัน คำตอบก็คือ ผ้า Cotton 100% ของเสื้อยืดที่เราซื้อมานั้น มันมีการแบ่งคุณภาพออกเป็นหลายแบบ โดยดูที่ความบริสุทธิ์ของเส้นใยฝ้าย ความหนา และ การเรียงตัวของเส้นใยฝ้าย โดยคุณภาพของ ผ้า Cotton 100% ในท้องตลาดแบ่งออกได้ ดังนี้
Cotton ผสมPolyesters มีส่วนผสมจากสิ่งสังเคราะห์ ไม่เหมาะกับบางงานที่ต้องการความปลอดภัย ติดไฟง่าย และไหม้ไฟตามคุณสมบัติของ polyesters สามารถใช้เทคนิคการพิมพ์ภาพแบบรีดซีมได้ เนื้อผ้าที่ผสมใยสังเคราะห์ จะคืนตัวไว ( ไม่ยับง่าย ) การหดตัวต่ำกว่าชนิด COTTON100% เนื่องจากโครงสร้างของใยผ้า ถูกตรึงไว้ด้วย polyesters ทำให้การหดตัวไม่มาก การถ่ายเทอากาศไม่ดี
- แบ่งตามชนิดของเบอร์ผ้า หลักๆที่โรงงานแบ่งจะมี 3 ประเภท คือ เบอร์ 20 , เบอร์ 32 และ เบอร์ 40 โดยผ้าเบอร์ 40 จะเป็นผ้าที่มีคุณภาพดีที่สุด
- แบ่งตามกระบวนการผลิต แบ่งเป็น Cotton OE โออี, Cotton Semi เซมิ, Cotton Combed คอมบ์
Cotton ผสมPolyesters มีส่วนผสมจากสิ่งสังเคราะห์ ไม่เหมาะกับบางงานที่ต้องการความปลอดภัย ติดไฟง่าย และไหม้ไฟตามคุณสมบัติของ polyesters สามารถใช้เทคนิคการพิมพ์ภาพแบบรีดซีมได้ เนื้อผ้าที่ผสมใยสังเคราะห์ จะคืนตัวไว ( ไม่ยับง่าย ) การหดตัวต่ำกว่าชนิด COTTON100% เนื่องจากโครงสร้างของใยผ้า ถูกตรึงไว้ด้วย polyesters ทำให้การหดตัวไม่มาก การถ่ายเทอากาศไม่ดี
ผ้าฝ้าย หรือ cotton 100% ที่นำมาผลิตเสื้อยืดนั้น สามารถแบ่งตามเบอร์เส้นด้าย ซึ่งโดยทั่วไปแบ่งได้ 3 เบอร์ คือ 20,32,40 ตามลำดับ สำหรับเบอร์เส้นด้ายที่สูงเกิน 40 ขึ้นไปจะพบเห็นได้ไม่มากนักในท้องตลาด ส่วนใหญ่จะเป็นผ้าที่ต้องสั่งทอขึ้นโดยเฉพาะตามเบอร์ที่ต้องการ เนื่องจากกระบวนการในการผลิต (ปั่นเส้นด้าย) ให้เส้นด้ายมีขนาดเล็กต้องอาศัย เครื่องจักรและการผลิตที่ยุ่งยากซับซ้อน จึงมีต้นทุนที่สูงในการผลิต เมื่อนำมาผลิตเสื้อยืดก็จะมีต้นทุนสูงตามไปด้วย ถ้าเบอร์น้อยจะใช้ด้ายเส้นใหญ่ เบอร์ มากใช้ด้ายเส้นเล็ก เช่นผ้า Cotton 100 % เบอร์ 20 เนื้อผ้าจะมีความหนามากกว่าเบอร์ 32 เนื่องจากขนาดเส้นด้ายที่ใหญ่กว่า โดยทั่วไปผ้า Cotton ที่นิยมนำมาใช้ทำเสื้อยืดและเสื้อโปโล ในราคาระดับปานกลางถึงสูงคือผ้า Cotton 100% เบอร์ 20 (เสื้อยืดสำหรับผู้ชาย) และ 32(เสื้อยืดสำหรับผู้หญิง) ส่วนเบอร์ 40 มักจะนำมาทำเสื้อสำหรับเด็กอ่อน หรือเสื้อที่เน้นความบางเป็นพิเศษ และเสื้อยืดแบรนเนมส์บางรุ่นเบอร์ที่สูงกว่า 40 จะเป็นเสื้อยืดที่ต้องสั่งทอผ้าขึ้นเป็นพิเศษ
กระบวนการผลิตเส้นด้าย เป็นตัวบ่งบอกคุณภาพของเนื้อผ้า เพื่อให้ได้เส้นใยที่มีคุณภาพทั้งในด้านการเรียงตัวของด้ายที่มีความหนาแน่น สม่ำเสมอและกำจัดสิ่งสกปรกแปลกปลอมออกจากเส้นใยเพื่อให้ได้เส้นด้ายที่มี คุณสมบัติที่ดีเมื่อไปทอเป็นผ้าผืน ทำให้สามารถแบ่งเกรดผ้าฝ้ายที่ผ่านกระบวนการผลิตได้ 3 เกรดคือ
- Cotton OE ไม่ผ่านกระบวนการคัดคุณภาพของเส้นใยฝ้าย เสื้อยืดที่ผลิตจาก Cotton ชนิดนี้จะมีความกระด้างกว่าอีกสองประเภทรวมถึงความเหนียวทนต่ำขาดง่าย เป็นผ้า Cotton เกรดต่ำสุด และมีราคาถูกสุด เนื่องจากต้นทุนในการใช้เครื่องจักรและกระบวนการในการผลิตจากเส้นใยฝ้ายเป็น เส้นด้ายต่ำสุด
- Cotton Semi ผ่านกระบวนผลิตเส้นด้ายโดยวิธีการสางเส้นใยฝ้ายโดยครื่องจักรทำให้ได้ผลผลิต เป็น เส้นด้ายใยสั้น ที่มีขนาดใหญ่ (เบอร์ 20 - 32) และมีความเนียนนุ่มและกระด้างในระดับปานกลาง
- Cotton Comp ผ่านกระบวนผลิตเส้นด้ายโดยวิธีการหวีเส้นใยด้วยเครื่องจักร ซึ่งมีกระบวนที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อนกว่าแบบการสาง ทำให้ได้ผลผลิตเป็น เส้นด้ายที่มีขนาดเล็ก (เบอร์ 32 ขึ้นไป) และสามารถขจัดสิ่งสกปรกออกจากเส้นใยได้ในเปอร์เซ็นที่มากกว่า รวมถึงได้เส้นด้ายที่มีเส้นใยที่ยาวกว่า เมื่อนำมาทอเป็นผ้าผืนจึงเป็นผ้า cotton ที่เนื้อดีมีความนุ่ม และกระด้างในระดับต่ำ เหนียวทน ขาดยาก มีความมัน
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)